การฟอกสีฟันเพื่อให้ฟันขาว ไม่ใช่การทำให้ฟันขาวถาวรก็จริง แต่เราสามารถยืดอายุของฟันขาวให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ด้วยการปฏิบัติตนหลังจากฟอกสีฟันให้ถูกต้อง
สิ่งที่ต้องปฏิบัติหลังผ่านการฟอกสีฟัน
ในระหว่างฟอกสีฟันหรือฟอกสีฟันเสร็จใหม่ๆ ก็คือ อาการเสียวฟัน และการรอเคลือบฟันปรับสภาพ ดังนั้น สิ่งที่ต้องปฏิบัติจึงเป็นเรื่องดังนี้
- อาหารบางชนิดที่มีผลทำให้ฟันเปลี่ยนสี โดยเฉพาะในช่วง 1-3 วันหลังจากฟอกสีฟัน พึงระวังเรื่องนี้อย่างมาก เพราะในช่วงเวลาดังกล่าว เคลือบฟันของคุณเพิ่งผ่านการฟอกสีโดยน้ำยามาหมาดๆ ยังไม่ได้ปรับสภาพไปเหมือนเดิม หากในช่วงนี้ต้องสัมผัสกับอาหารที่ทำให้สีฟันเปลี่ยน จะยังคงอ่อนไหวและติดสีง่ายกว่าปกติ
- งดอาหารที่จะไปเพิ่มอาการเสียวฟันให้มีมากขึ้น นั่นคือ ควรงดอาหารและเครื่องดื่มที่เย็นจัดหรือร้อนจัด
- งดผลไม้ที่มีฤทธิ์เป็นกรด สังเกตผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวเป็นหลัก เช่น มะนาว มะนาว สัปปะรด
- เลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง ประเภทนม ชีส เนย ควรงดก่อน
- สังเกตอาการผิดปกติที่อาจจะเกิดขึ้น หากพบว่ามีอาการปวดหรือเสียวฟันต่อเนื่อง โดยที่ไม่มีอะไรไปกระตุ้น อาจต้องกลับไปพบทันตแพทย์อีกครั้ง
การปฏิบัติตนหลังจากฟอกสีฟันในระยะยาวต่อเนื่อง
ถ้าไม่อยากต้องกลับไปฟอกสีฟันอีกครั้งในระยะเวลาสั้นเกินไป คือก่อน 6 เดือน ควรปฏิบัติเรื่องต่อไปนี้ให้ได้
- งดสูบบุหรี่ เพราะหากไม่งดจะทำให้ฟันที่ฟอกมากลับมาเหลือง เปลี่ยนสีเร็วกว่าเวลาที่กำหนด
- หลีกเลี่ยงอาหารในกลุ่มต่อไปนี้
- เครื่องดื่มที่ทำให้สีติดฟันได้ถ้าดื่มต่อเนื่อง คือ ชา กาแฟ ช็อกโกแลต ไวน์แดง รวมถึงเครื่องดื่มน้ำผลไม้ นมที่สีเข้มข้น น้ำอัดลมสีๆ ไม่ว่าจะเป็นสีเขียว สีแดง หรือเครื่องดื่มกลุ่มโคล่า หรือเครื่องดื่มที่มีส่วนความเป็นกรด เป็นแก๊ส เครื่องดื่มเกลือแร่ ก็ทำให้ฟันเปลี่ยนสีได้เช่นกัน
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีสี เช่น ไวน์แดง รูทเบียร์ สังเกตได้ว่า คนที่ดื่มไวน์เป็นประจำจะมีฟันที่เหลือง เพราะเครื่องดื่มเหล่านี้ทำให้เกิดคราบฟันง่าย
- อาหารไทยประเภทแกงที่เครื่องแกง เครื่องเทศที่ทำให้มีสีเข้ม เพราะสีเหล่านี้จะติดฟันและมาเปลี่ยนสีฟันได้ เช่น พวกแกงกะทิ แกงเขียวหวาน แกงเผ็ด ซอสพริก ซอสมะเขือเทศ ผงกะหรี่ ฯลฯ
- อาหารทั่วไปที่อาจไม่คิดว่าจะมีผลต่อสีของฟัน เช่น ข้าวที่ไม่ใช่ข้าวขาว ขนมปังที่มีสีๆ ลูกอมบางชนิดที่มีสี
- อาหารที่กระตุ้นให้ภายในปากเกิดความเป็นกรดสูงขึ้น
- ผักที่ไม่ใช่ผักสีเขียวก็ควรยกเว้น เพราะสีเหล่านั้นทำให้ฟันเปลี่ยนสีได้เช่นกัน เช่น แครอท บีทรูท อัญชัน
- กินหรือดื่มผลไม้ น้ำผลไม้ที่มีสีสัน อย่างระมัดระวัง คือ ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ทั้งหลาย สีแดง สีม่วง สีส้ม เช่น บลูเบอร์รี่ มะละกอ ทับทิม องุ่น น้ำส้ม รวมผลไม้ที่ปกติใช้ทำสีได้นั่นเอง หากอยากรับประทานจริงๆ ควรเลี่ยงเป็นการดื่มผลไม้ที่คั้นน้ำแล้ว และควรใช้หลอดเพื่อให้สัมผัสกับฟันให้น้อยที่สุด หลังจากดื่มแล้ว ดื่มน้ำสะอาดตาม แปรงฟันให้สะอาด เพื่อลดสีที่ติดฟัน
- งดเครื่องปรุงที่มีสีเข้มๆ เช่น ซอส ซีอิ๊ว รวมถึงเครื่องปรุงทั้งหลายที่มีส่วนผสมของน้ำส้มสายชู
- ให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาความสะอาดของปากและฟันให้ถูกสุขลักษณะ แปรงฟันให้ถูกวิธี เลือกแปรงที่มีขนแปรงไม่อ่อนไป ไม่แข็งเกินไป อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง หรือถ้าเป็นไปได้ทุกหลังมื้ออาหาร เพื่อให้ฟันสะอาด ปราศจากเชื้อแบคทีเรียสะสมที่จะเป็นสาเหตุที่ทำให้ฟันผุ ส่วนยาสีฟันก็เลือกใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์เหมาะสม เป็นยาสีฟันที่ทันตแพทย์รับรอง เพราะฟลูออไรด์ที่มากเกินไปก็มีส่วนในการทำลายฟัน นอกจากนั้นควรใช้ไหมขัดฟันหลังมืออาหารสม่ำเสมอ ไม่ใช้ไม้จิ้มฟันที่อาจทำให้เกิดช่องว่างที่ทำให้เศษอาหารติด และที่ต้องทำเสมอคือตรวจเช็คสุขภาพฟันประจำทุก 6 เดือน
คนที่ฟอกสีฟัน ควรเลือกรับประทานอาหารแนวไหน
การคอยระวังว่า อาหารอะไรกินไม่ได้ อาจทำให้รู้สึกอึดอัด ทางที่ดีควรจะปรับเปลี่ยนนิสัยการกินจะดีกว่า คือ หันมากินอาหารประเภทเหล่านี้ให้คุ้นเคย จนไม่รู้สึกว่าตัวเองต้องงดเว้นอะไร
- อาหารที่ไม่มีสีสัน เน้นสีขาวๆ เป็นหลัก เช่น กินเนื้อที่มีสีขาวอย่างเนื้อไก่ เนื้อปลา กินข้าวก็กินข้าวขาว ไม่กินข้าวซ้อมมือ ขนมปังสีขาว
- เลือกกินผลไม้ที่ไม่มีกรด ไม่มีสีสด เช่น กล้วย มะพร้าว ซึ่งอย่างหลังมีน้ำมะพร้าวที่อร่อยและไม่มีผลต่อสีของฟัน
- ไม่ติดเครื่องปรุงรสที่มีสีสันจัดๆ ไม่เลือกซีอิ๊วดำ เพราะน้ำปลาก็ให้รสเค็มเช่นกัน
- อาหารหลายชนิดมีให้เลือกทั้งแบบไม่มีสี และแบบใส่สี เลือกกินแบบไม่ใส่สีเพราะความจริงรสชาติก็ไม่ได้แตกต่างกัน การใส่สีเพียงแต่เพิ่มความสวยเป็นอาหารตาเท่านั้น
หลักปฏิบัติสำหรับการดูแลตนหลังรับการฟอกสีฟัน อาจดูเหมือนมีความละเอียดและจุกจิก ต้องระวังไปหมด แต่หากเรารู้หลักการและปฏิบัติเป็นประจำจะเกิดความเคยชิน จนกลายเป็นนิสัย ทำได้อย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่ต้องระวัง แต่ผลที่ได้รับนั้นคุ้มค่า เพราะอาจไม่ต้องฟอกฟันซ้ำภายใน 1-2 ปีทีเดียว